17 Apr 2019
April 17, 2019

Corporate Actions

0 Comment

           สมจังหวะของ ฤดูกาลเลือกตั้ง และฤดูกาล ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น-AGM  ช่างมีความเหมือน ความต่างในระนาบที่น่าสนใจยิ่งนัก

           การเลือกตั้ง  หมายรวมวงกว้าง ในการเลือกตัวแทนของเราไปบริหารประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย ตามวงรอบคือ วาระ 4 ปี มีหนึ่งครั้ง (ยกเว้นมีกรณีเป็นอื่น) เลือก สส., เลือก สว.,สจ.,สท จากนั้น เราก็ได้แต่เฝ้าติดตามพวกเขา ทางสื่อต่างๆ ชะเง้อว่า พวกเขาเข้าสภาฯ ไปทำงานให้พวกเรา ในเรื่องใดบ้าง ห่างไกลเกินกว่า จะติดตาม ยกเว้นพวกที่มาลงพื้นที่ กราบไหว้ตอนหาเสียงนี่แหละ…จริงไหม

           การบริหารประเทศ เป็นภาพใหญ่ มองทะลุลงไป เทียบเคียงย่อส่วนลงมากับการบริหารงานของกิจการ คล้ายกันแบบจับวาง  นายกรัฐมนตรี คือ CEO,รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ คือ ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ต่างว่า เราเลือกผู้แทน หย่อนบัตรแล้วหมดหน้าที่ พวกเขาไปเลือกคนไปบริหารจัดการกระทรวงต่างๆ จัดสรรงบประมาณ บริหารแผ่นดิน เป็นลำดับไป

           แต่กับการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน  เรามีสิทธิ มีเสียงในมือเรา ลองมาทบทวนกันดูว่า เรามีสิทธิในเรื่องใดกันบ้าง ในวันนัดสำคัญ คือ วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น-AGM

           1 การเลือกตั้งกรรมการของบริษัทจดทะเบียน จะต้องมีการบรรจุวาระการประชุม เรื่องการลงมติ ลงคะแนนเลือกกรรมการ แยกเป็นรายบุคคล (เดิมลงมติแบบยกพวง)  คะแนนอยู่ในมือเราปรากฏให้เห็นเป็นคะแนนรายคน ขึ้นจอเห็นกันทั่วห้อง บันทึกในรายงานการประชุม ใครได้คะแนนน้อย หรือมีมติไม่เห็นด้วย เกิดอาการงอน  มีให้เห็นกันแล้ว

           2 ลงมติ ค่าตอบแทนของกรรมการ เมื่อลงมติเลือกกรรมการ โดยมีประวัติมาประกอบการพิจารณา คะแนนอยู่ในมือเรา ก็ถึงคราวลงมติ ค่าตอบแทน  ซึ่งต้องระบุตัวเลขชัดเจน เช่น เป็นรายเดือน รายครั้งของเบี้ยการประชุม เงินรางวัล โบนัส เป็นต้น

           3 ลงมติรับรองงบการเงิน  ของผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา คะแนนอยู่ในมือเรา ซักถามตัวเลข ต่างๆได้ หากไม่เห็นชอบ ลงมติเลย

           4 ลงมติ ในเรื่องที่มีนัยสำคัญ ต่อการดำเนินธุรกิจ ตามเกณฑ์ เช่น รายการซื้อมา-ขายไป,รายการเกี่ยวโยง และอื่นๆ คะแนนล้วนอยู่ในมือเรา

           การหาเสียงของพรรคการเมือง ไม่ต่างจากการ ส่งข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน ให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านระบบ และนักลงทุนสามารถ เข้าถึงข้อมูลได้ตามความสนใจ แต่ป้ายหาเสียงของนักการเมือง วางเกลื่อน ตามริมถนน ด้วยคำพูดแบบโดนๆ สั้น กระชับ ให้จดจำได้ และทะลุใจ ให้ไปหย่อนบัตรลงคะแนน

           เทียบสินค้า “พรรคการเมือง “ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ที่วางบนชั้น ให้ผู้ลงทุนได้เลือก คะแนนล้วนอยู่ในมือเรา จับหยิบขึ้นมาพลิก คว่ำหงาย ดูสลากเบอร์ห้า –ได้รางวัลอะไร มาบ้าง เช่น เบอร์ห้า CG Awards  IOD 4 ดาว/5ดาว  เทียบ นโยบายของพรรคการเมือง ว่าจะวางแนวทางในการบริหารประเทศอย่างไร หรือเพียงโฆษณา ชวน(ไม่)เชื่อ ทำได้จริงหรือไม่ ไม่ใส่ใจ พูด คะนองปาก เสียดสีพรรคอื่น ลามเลยทำลายภาพพจน์ของประเทศ แบบนี้ นักลงทุน เลือกได้ ยิ่งตัวละครเก่าๆ ที่เคยทำอะไรไว้กับบ้านเมือง คนไทยใช่ความจำสั้น

           ผู้บริหารที่มีประวัติด่างพร้อย ไม่ซื่อสัตย์ นักลงทุนคิด คิดเป็น ที่จะไม่เลือกเข้ามาบริหารกิจการ เช่นเดียวกับการเลือก สส. ที่มีประวัติโกงกิน ทั้งคดีติดตัว และพรรคการเมืองต้นสังกัด ที่มีนโยบายเผาผลาญชาติ ย่อมเป็นสินค้าไม่พึงปรารถนา

           เลือก สส.กับ ประชุม AGM จึงเป็นต่างเรื่อง  ด้วยขนาดที่แตกต่างกัน แต่สุดท้าย เป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการ “คนเก่ง และคนดี” เข้าไปบริหารงาน

           ข้อต่างอีกข้อที่สำคัญ ของการเลือก สส.กับ ลงมติใน AGM คือ  ความเป็นผู้ถือหุ้น สิ้นสุดลง เมื่อขายหุ้น แต่การเป็นคนไทย ต้องดำรง คงอยู่ ตั้งแต่เกิดจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิต

           การเมือง จึงอยู่กับเรา ใช่เรื่องอื่นไกลไม่…อย่าได้รังเกียจ อย่าได้มองแยกส่วน เพราะการเมืองถูกหลอมละลายอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแบบไม่รู้ตัวไปแล้วนะ…ลองตรองดู……

……………………………………………………………………………………………………………………..